วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รางน้ำฝน-เรื่องที่คนมีบ้านต้องรู้ไว้


เมื่อพูดถึงปัญหาบ้านในหน้าฝนแล้ว ปัญหารางน้ำฝนระบายน้ำไม่ดีถือเป็นปัญหาที่จะมองข้ามไม่ได้เลยทีเดียว เพราะปัญหานี้ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่อาจจะทำให้เจ้าของบ้านหลาย ๆ คนถึงกับกุมขมับกันมาแล้ว ยิ่งเข้าสู่ช่วงหน้าฝนด้วยแล้วอย่างนี้ เชื่อแน่ ๆ ว่าหลาย ๆ บ้านอาจจะกำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ก็เป็นได้
โดยทั่ว ๆ ไปแล้วปัญหารางน้ำที่เจ้าของบ้านมักจะพบเจอก็คือ
  • รางน้ำอุดตัน
  • รางน้ำชำรุด
  • รางน้ำไม่เข้ากับตัวบ้าน
ปัญหารางน้ำอุดตันนั้น สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ แค่เพียงเจ้าของบ้านหมั่นตรวจสอบรางน้ำอยู่เสมอ ๆ ไม่ให้มีใบไม้เข้าไปอุดตัน หรืออาจจะแก้ไขได้ด้วยการนำลวดตะแกรงสี่เหลี่ยมมาดัดเป็นรูปตัวยู แล้วคว่ำลงไปที่รางน้ำแค่นี้ก็สามารช่วยลดปัญหาใบไม้อุดตันท่อน้ำได้แล้ว
ปัญหารางน้ำชำรุด ก็ต้องอาศัยการหมั่นตรวจสอบสภาพรางน้ำของตัวเองว่าอยู่ในสภาพใช้งานได้เต็มที่หรือไม่ หากมีร่องรอยชำรุดควรรีบจัดการแก้ไข
ปัญหารางน้ำไม่เข้ากับตัวบ้านนั้น ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะละเลยไม่ได้เลย เพราะหากท่อรางระบายน้ำเล็กเกินไปก็อาจจะทำให้ท่อรางน้ำระบายน้ำไม่ทัน หรือหากรางน้ำใหญ่เกินไปก็อาจจะทำให้เกิดความไม่สมดุลกับตัวบ้านได้เช่นกัน นอกจากนี้การปรึกษาผู้เชียวชาญในการติดตั้งรางน้ำก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะปัจจุบันรางน้ำมีการผลิตจากวัสดุที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นไวนิล ไฟเบอร์กลาส อลูมิเนียม สแตนเลส สังกะสี PVC UPVC หรือเหล็กกาวาไนซ์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจะสามารถแนะนำรางน้ำที่เหมาะกับความต้องการของเราได้เป็นอย่างดี
ด้วยวิธีง่าย ๆ เพียงเท่านี้ไม่ว่าฝนไหน ๆ จะกระหน่ำลงมาบ้านของคุณก็จะปลอดภัย ไม่มีปัญหาท่อรางน้ำฝนมากวนใจอีกเลย

10 เทคนิคดูแลบ้านหน้าฝน


(momypedia)

แม้ปีนี้ฤดูฝนบ้านเจะมาช้าสักหน่อย แต่ดูท่าว่าจะกินระยะเวลายาวทีเดียว และที่แตกต่างจากทุก ๆ ปี คือนอกจากฝนตกชุกแล้วยังมาพร้อมกับพายุลมแรง ซึ่งอาจก่อความเสียหายให้บ้านหลังงามของคุณได้ เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เราจึงมีเทคนิคดูแลบ้านในช่วงหน้าฝนอย่างง่าย ๆ มาฝาก รับรองว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงคุณสาว ๆ แน่นอน

1. หมั่นเช็กการรั่วซึมของหลังคา ฝ้า ผนัง การรั่วซึมของหลังคาหรือผนัง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ และส่วนใหญ่มักจะทราบเมื่อเกิดปัญหามาได้สักระยะหนึ่งแล้ว วิธีตรวจสอบง่าย ๆ คือ หมั่นสังเกตรอยรั่วซึมแตกร้าวของหลังคา ฝ้าเพดานและฝาผนัง หรือรอยต่อของวัสดุต่างๆ เช่น ขอบหน้าต่างว่ามีคราบรอยน้ำหรือไม่ ถ้าพบว่ามีการแตกร้าวหรือรั่วซึมจริงให้รีบติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญมาซ่อมให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยทิ้งไว้

2. ดูแลรางน้ำฝน อย่าปล่อยให้รางน้ำฝนมีเศษใบไม้ หรือขยะอุดตัน เพราะเวลาฝนตกหนักๆ อาจจะทำให้น้ำไหลย้อนเข้าไปรั่วภายในบ้านได้

3. ล้างท่อระบายน้ำ หมั่นตักขยะ เศษใบไม้ เศษดิน ขี้โคลน ออกจากบ่อดักขยะในบ้านของคุณ รวมทั้งล้างบริเวณระเบียง หรือเฉลียง เพื่อป้องกันไม่ให้ท่อระบายน้ำอุดตัน

4. ขยันขัดพื้น หลังฝนตก ควรขัดล้างพื้นรอบ ๆ บ้านอย่าให้มีตะไคร่จับ หรือเป็นคราบดิน อันเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ ลื่นหกล้มได้ง่าย

5. คว่ำภาชนะที่ไม่ใช้ ภาชนะจำพวกถังน้ำที่วางอยู่นอกตัวบ้าน ควรจับวางคว่ำไว้ เพื่อไม่ให้มีน้ำขัง และกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออก

6. ตัดกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวบ้านให้สั้นเข้าไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งไม้หักโดนตัวบ้าน เวลามีลมพายุแรง ๆ และป้องกันไม่ให้สัตว์เลื้อยคลานใช้เป็นทางเดินเข้าสู่ภายในบ้าน ข้อนี้อาจต้องพึ่งคนสวน เพื่อนหนุ่มหรือคุณสามี

7. ทำไม้ค้ำยันให้ต้นไม้ บ้านที่เพิ่งปลูกต้นไม้ใหญ่ ควรทำไม้ค้ำยันต้นไม้ไว้ เพื่อให้ลำต้นตั้งตรง ไม่เอนเอียง หรือโค่นล้ม เมื่อมีลมพัดมาแรง ๆ และช่วยทำให้รากต้นไม้สามารถแผ่ขยายได้อย่างรวดเร็วด้วย

8.ย้ายเฟอร์นิเจอร์สนามหลบฝน เมื่อฝนตกบ่อย ๆ ขึ้น ชุดเฟอร์นิเจอร์สนามที่คุณเคยใช้นั่งเล่นกินลม คงไม่เหมาะที่จะใช้งานต่อไป ทางที่ดีควรหาที่จัดเก็บเพื่อหลบฝนหรือใช้ผ้าใบคลุมไว้

9.บ้านที่โล่งโปร่งสบายในหน้าร้อน เมื่อถึงฤดูฝนควรทำชายคา หรือกันสาดยื่นออกมาเพื่อกันไม่ให้ฝนสาดเข้าไปกระทบกับช่องเปิดพวกบรรดาประตู หน้าต่าง หรือผนังบ้านในส่วนต่าง ๆ เพื่อป้องกันการผุพัง คราบเชื้อรา หรือคราบตะไคร่น้ำจับเกาะบริเวณผนัง

10. ปลูกต้นไม้ใหม่หรือย้ายต้นไม้ในกระถางลงดิน ต้นฤดูฝนเป็นเวลาที่เหมาะกับการปลูกต้นไม้ใหม่ ๆ ให้กับสวนของคุณ โดยเฉพาะการลงต้นไม้ขนาดใหญ่ ควรทำในช่วงนี้ เพราะอากาศมีความชื้นสูง และมีน้ำฝนมาช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน ใบไม้จึงระเหยน้ำไม่มาก ต้นไม้จะมีโอกาสรอดสูง

ถ้าคุณทำได้หมดทุกข้อ รับรองว่าหน้าฝนนี้ถึงจะไม่ค่อยได้ออกไปไหน ๆ แต่คุณก็สามารถอยู่บ้านได้อย่างมีความสุขแน่นอน...

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กระบวนการผลิตแผ่นเหล็กอาบสังกะสี (Glvanizing iron Line Process)

กระบวนการผลิต

กระบวนการผลิตแผ่นเหล็กอาบสังกะสี (Glvanizing iron Line Process)

ในกระบวนการผลิตแผ่นเหล็กอาบสังกะสีนี้ Line Prcess หลักคือ G.I. Line Process มีหน่วยงานที่ Supply แผ่นเหล็กให้ตามขนาดที่ต้องการขนาดต่าง
ก็คือ “หน่วยตัดแผ่นเหล็ก”หรือเรียกว่า (Sgear Line) เพราะปัจจุบันนี้ แผ่นเหล็กที่เรานำเข้านั้น อยู่ในรูปของ Coil ซึ่งมีน้ำหนักตั้งแต่ 4-10 Tonความยาวตั้งแต่
11,000 fts - 27,000 fts
ฉะนั้นในกระบวนการผลิตขั้นตอน เราจึงต้องนำ Coil แผ่นเหล็กเข้าสู่กระบวนการ “ตัดแผ่นเหล็ก” ให้ได้ขนาดต่าง ๆ ตามต้องการเสียก่อน ซึ่งในอดีตเมื่อสถาน
ประกอบการของเราเริ่มการผลิตใหม่ ๆ นั้น เรานำเข้าในรูปแบบของแผ่นเหล็กสำเร็จรูปที่ได้ตัดแล้ว โดยผ่านการ package เป็นอย่างดี จึงทำให้ Cost ตัวนี้สูงมาก
ดังนั้นเราจึงได้ทำการเปลี่ยนแปลงการนำเข้า แผ่นเหล็กที่ส่งมาในรูปของ Coil ดังกล่าวซึ่งทำให้เราลด Cost ส่วนนี้ลงได้มาก
เมื่อแผ่นเหล็กจากหน่วย Shear Line ส่งขึ้นสู้หน่วย G.I. Line แล้ว ชิ้นงานที่ได้ป้อนเเข้าไปสู่กระบวนการผลิต จะผ่านบ่อ Pre-treatment ก่อน เพื่อขจัด-
ชำระล้างสิ่งสกปรกให้หมด จากผิวของแผ่นเหล็กที่เกิดขึ้น อาทิ คราบน้ำที่เกิดจากความชื้นและสนิมเหล็กเป็นต้น แล้วผ่านไปยังบ่อน้ำร้อนเพื่อให้ความร้อนกับผิวแผ่น
ก่อนลงสู่หม้อหลอม ความร้อนในบ่อน้ำร้อนนั้น เราให้ความร้อนด้วย Steam
เมื่อผ่านบ่อน้ำร้อนแล้ว ชิ้นงานก็จะเดินทางลงสู่หม้อหลอมสังกะสี แต่ก่อนที่แผ่นเหล็กจะจุ่มลงสู่สังกะสีหลอมเหลวนั้น ชิ้นงานจะผ่านบ่อน้ำร้อนประสานก่อน
(Flux cox) แล้วจึงเคลื่อนตัวสู่โลหะ สังกะสีหลอมเหลวที่อุณหภูมิ 450 องศา เรามีกรรมวิธีที่ให้สังกะสีหลอมเหลวนั้นเคลือบสนิมติดแผ่นเหล็กด้วย Coating roll
เราสามารถ Control ความหนาบางของเนื้อสังกะสีที่กำหนด ต่อจากนั้นชิ้นงานก็จะเดินทางสู่ บ่อน้ำเย็น เพื่อลดความร้อนและเดินทางสู่บ่อ Chromic Acid เพื่อ
ทำการ Chromate Coating เคลือบคุมผิวแผ่น ให้การรักษาผิวแผ่น-สดใส-แวววาว อยู่ได้นานแล้วเข้าสู่กระบวนการประทับตราอัตโนมัติ ตรวจคุณภาพ นับจำนวน
สำเร็จเป็นแผ่น G.I.Steet เพื่อจะได้ส่งไปถึงหน่วยงานอื่นต่อไป

กระบวนการขึ้นรูปอัดลอนลูกฟูก ( Corruqating Ling Process )

เป็นกระบวนการขึ้นรูปเป็นลอนลูกฟูก ด้วยการนำเอาแผ่น G.I. Steet มาป้อนเข้าสู่เครื่องปั๊มอัดลอนลูกฟูก ซึ่งมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ ลูกฟูกชนิดลอนใหญ่ และลูกฟูกชนิดลอนเล็ก เมื่อกระบวนการครั้งนี้แล้วเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ออกมาเป็นแผ่น Finished products

แผ่นเหล็กอาบสังกะสีเคลือบสี ( Colour Line Process )

Line Process ของการผลิตนี้คือ การนำเอาแผ่น G.I. Shet มาเคลือบสีเข้าอีกชั้นหนึ่งเป็นแผ่นเหล็กอาบสังกะสี เคลือบสีที่มีคุณภาพคงทน สวยงามยิ่งขึ้น ปัจจุบันนี้เรามีการผลิตสีเขียว 2 ด้าน เป็นหลักใหญ่ ส่วนการผลิตสีแดงด้านเดียวนั้น เป็นผลิตภัณฑ์ตัวรองลงมา ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะว่า Demand ของตลาดนั้น ความนิยม ความต้องการ ของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ สังกะสีเคลือบสีเขียวมีมากกว่าสีแดงนั่นเอง และเมื่อคิดออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ของสินค้าที่เราได้ผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายแล้ว ทั้งสีเขียวและสีแดง รวมกันจะอยู่ในเกณฑ์ 20 เปอร์เซ็นต์ ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

ขั้นตอนการผลิตแผ่นเหล็กอาบสังกะสีเคลือบสี (Step of Colour Line Process )


1. สีเขียว เรานำแผ่น G.I. Sheet ป้อนเข้าสู่ Colour roll coating เพื่อทำการ Coat  สีให้ติดกับผิวแผ่นด้านบนก่อน แล้วแผ่นชิ้นงานจะเดินทางลงเข้าสู่ตู้อบ ผ่านการอบให้แห้ง เสร็จแล้วแผ่นชิ้นงานจะเดินทางตามสายงาน (Mechanical belt Conveyer) ไปจนถึงจุด Stamper ทำการประทับตราด้วยเครื่องอัตโนมัติ แล้วจึงเดินทางต่อไปจนถึง Backroller เพื่อที่จะทำการเคลือบสีอีกด้านหนึ่ง ซึ่งด้านนี้เราทำการ Coating แบบ Two Coat กล่าวคือ ใช้ Colour Coater 2 จุด 2 ตัว ทำการเคลือบสี 2 ครั้งนั่นเอง ต่อจากนั้นแผ่นชิ้นงานก็เดินทางเข้าสู่ตู้อบอีกครั้งหนึ่ง ทำการอบสีให้แห้งสนิทติดแน่นกับผิวแผ่นแล้วเคลื่อนตัวสู่โต๊ะตรวจคุณภาพตรวจนับจำนวน เป็นอันเสร็จขั้นตอนของกระบวนการการผลิตแผ่นสังกะสีเคลือบสีเขียว

2.  สีแดง กรรมวิธีในการผลิตก็เช่นเดียวกันกับการผลิตสีเขียว ผิดกันแต่ว่าเรา Coat สีลงบนแผ่นผลิตภัณฑ์เพียงด้านเดียวเท่านั้น และก็เป็นแบบ Two coat เช่นกัน

แผ่นเหล็กอาบสังกะสีเคลือบสีนี้  เรานำไปขึ้นรูปเป็นลอนลูกฟูก  3  ชนิด  คือ
1.   ชนิดลูกฟูกลอนเหลี่ยม
2.   ชนิดลูกฟูกลอนใหญ่
3.   ชนิดลูกฟูกลอนเล็ก
ผลิตภัณฑ์ ที่สำเร็จสมบูรณ์แล้วทุกชนิดจะนำส่งเข้าสู้คลังพัสดุสำเร็จรูป เพื่อรอการจำหน่ายออกสู่ท้องตลาดทั่วไป

แผ่นเหล็กอาบสังกะสี


ถ้าจะเอ่ยคำว่า  “แผ่นเหล็กอาบสังกะสี”   แล้วล่ะก็คงมีคนเป็นจำนวนมากที่ยังไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง   ได้รู้  ได้เข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร?  จะมีก็แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ด่าน “ควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม” กับฝ่ายผู้ประกอบการ   “การผลิตแผ่นเหล็กอาบสังกะสี”  เท่านั้น ที่คุ้นเคยกับคำ ๆ นี้ จริง ๆ แล้ว แผ่นเหล็กอาบสังกะสี นั้นก็คือ “สังกะสี” ที่คนทั่ว ๆ ไปรู้จักและเรียกขานกันมาช้านานนั่นเอง

เหตุใดจึงเรียกว่า  “แผ่นเหล็กอาบสังกะสี”


ที่มาของการเรียกว่า “แผ่นเหล็กอาบสังกะสี” นั้น มาจากขบวนการผลิตที่แท้จริง ตามลักษณะของโลหะหลักที่นำมาประกอบการผลิต นั่นคือ แผ่นเหล็กเหนียว และสังกะสีบริสุทธิ์ 99.995%

ทำไมจึงนำโลหะ 2 ชนิดนี้มาใช้ร่วมกัน


ด้วยคุณลักษณะที่ต่างกัน และเอื้ออำนวยต่อกันได้เมื่อนำมาใช้ประกอบการผลิตร่วมกัน จึงมีคนผู้ประเสริฐเลิศปัญญา คิดค้นกรรมวิธีการผลิตแผ่นเหล็กอาบสังกะสีนี้ขึ้นมากให้ประชากรโลกได้ใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น

โลหะ   2   ชนิดนี้ มีคุณลักษณะต่างกันและเอื้ออำนวยต่อกันอย่างไร

1. แผ่นเหล็ก เป็นโลหะชนิดที่มีความเข้มแข็ง ความเหนียว สามารถนำมารีดให้เป็นแผ่นหนา แผ่นบาง ตามความต้องการได้ แต่ไม่มีสมรรถนะในการป้องกันความเปียกชื้น อากาศธาตุ สารเคมีชนิดต่าง ๆ ได้ จะเกิดเป็นสนิมเหล็กทันทีที่มีความชื้น อากาศธาตุ ไอระเหยของสารเคมีลามเลียเข้าไปจนถึงตัวของมัน และผุกร่อนในที่สุด

2.   สังกะสี เป็นโลหะที่มีความแข็ง ทนต่อความเปียกชื้น ทนต่ออากาศธาตุ และสารเคมียังมีอีกหลายชนิดที่เจือจางในอากาศ แต่ในความแข็งของสังกะสีนั้น มีความเปราะบางสูงไม่สามารถถนำมารีดให้เป็นแผ่นได้
จากคุณลักษณะทั้ง  2  ชนิด ดังกล่าว  จึงมีการคิดสร้างสรร นำคุณลักษณะของโลหะทั้ง  2  ชนิดมารวมในขบวนการผลิตร่วมกัน นั่นคือ นำเอาแผ่นเหล็กเหนียวมาอาบสังกะสีที่หลอมเหลวแล้ว ให้แนบสนิทติดเป็นเนื้อเดียวกันโดยไม่หลุดล่อน แล้วส่งต่อกระบวนการผลิตอื่น ๆ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ใช้เป็นประโยชน์ ต่อมนุษย์ชาติหลากหลายประการนั่นเอง

เหตุนี้เราจึงเรียกผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ของเราเสียใหม่ให้ถูกต้องว่า “แผ่นเหล็กอาบสังกะสี”

ที่มาของโลหะหลัก (Permanent of Suipplier Metal)

1. แผ่นเหล็ก (Black sheet) นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผู้ผลิตแผ่นเหล็ก คู่ค้าคู่สัญญาหลักคือ Kawasaki steel,Nippon steel,Sumitomo steel จากประเทศญี่ปุ่น

2. สังกะสีบริสุทธิ์ (Zinc) จากผู้ผลิตภายในประเทศนั้นเอง คือ บริษัท “ผาแดงอินดัสตรี้”  ที่มีสถานประกอบการดำเนินการผลิตอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

สเตนเลสคืออะไร


สเตนเลสคืออะไร
 
สเตนเลส (สแตนเลส) หรือตามศัพท์บัญญัติเรียกว่า เหล็กกล้าไร้สนิม เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ(น้อยกว่า 2%)ของน้ำหนัก มีส่วนผสมของโครเมียม อย่างน้อย 10.5% กำเนิดขึ้นในปี พ.ศ.1903 เมื่อนักวิทยาศาสตร์พบว่า การเติมนิเกิล โมบิดินัม ไททาเนียม ไนโอเนียม หรือโลหะอื่นแตกต่างกันไปตามชนิด ของคุณสมบัติเชิงกล และการใช้ลงในเหล็กกล้าธรรมดา ทำให้เหล็กกล้ามีความต้านทานการเกิดสนิมได้



ประเภทของสเตนเลส
 

สเตนเลส สตีล แบ่งออกเป็น 5 ชนิดหลัก
 

เกรด ออสเตนิติก (Austenitic) แม่เหล็ดดูดไม่ติด นอกจากส่วนผสมของโครเมียม 18%แล้ว ยังมีนิเกิลที่ช่วยเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนอีกด้วย ชนิดออสเตนิติกเป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวางมากที่สุด ในบรรดาสเตนเลสด้วยกัน ส่วนออสเตนิติกที่มีโครเมียมผสมอยู่สูง 20% ถึง 25% และนิกเกิล 1%ถึง 20% จะสามารถทนการเกิดออกซิไดซ์ได้ที่อุณหภูมิสูง ซึ่งใช้ในส่วนประกอบของเตาหลอม ท่อนำความร้อน และแผ่นกันความาร้อนในเครื่องยนต์ จะเรียกว่า เหล็กกล้าไร้สนิม ชนิดทนความร้อน (Heat Resisting Steel)
เกรดเฟอร์ริติก (Ferritic) แม่เหล็กดูดติด มีส่วนผสมของคาร์บอนต่ำ และมีโครเมียมเป็นส่วนผสมหลัก คือประมาณ 13% หรือ 17%
เกรดมาร์เทนซิติก (Martensitic) แม่เหล็กดูดติด โดยทั่วไปจะมีโครเมียมผสมอยู่ 12%และมีส่วนผสมของคาร์บอนในระดับปานกลาง มักนำไปใช้ทำส้อม มีด เครื่องมือตัด และเครื่องมือวิศวกรอื่นๆ ซึ่งต้องการคุณสมบัติเด่นในด้าน การต้านทานการสึกกร่อน และ ความแข็งแรงทนทาน
เกรดดูเพล็กซ์ (Duplex) แม่เหล็กดูดติด มีโครงสร้างผสมระหว่างเฟอร์ไรต์และออสเตไนต์ มีโครเมียมผสมอยู่ประมาณ 18-28% และนิเกิล 4.5-8% เหล็กชนิดนี้มักถูกนำไปใช้งานที่มีคลอรีนสูงเพื่อป้องกันมิให้เกิดการกัดกร่อนแบบรูเข็ม (Pitting corrosion) และช่วยเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน ที่เป็นรอยร้าวอันเนื่องมาจากแรงกดดัน (Stress corrosion cracking resistance) เหล็กกล้าชุบแข็งแบบตกผลึก (Precipitation Hardening Steel) มีโครเมียมผสมอยู่ 17 % และมีนิเกิล ทองแดง และไนโอเบียมผสมอยู่ด้วย เนื่องจากเหล็กชนิดนี้สามารถชุบแข็งได้ในคราวเดียว จึงเหมาะสำหรับทำแกน ปั้ม หัววาล์ว และส่วนประกอบของอากาศยาน สเตนเลส สตีล ที่นิยมใช้ทั่วไปคือ ออสเตนิก และเฟอร์ริติก ซึ่งคิดเป็น 95%ของเหล็กกล้าไร้สนิม ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

คุณสมบัติทั่วไป และคุณสมบัติทางกายภาพ

คุณสมบัติทางกายภาพของสเตนเลส เมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุประเภทอื่น ค่าที่แสดงในตารางที่1 เป็นเพียงค่าประมาณ เนื่องจากการเปรียบเทียบทำได้ยาก ค่าความหนาแน่นสูงของสเตนเลสแตกต่างจากวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของคุณสมบัติเกี่ยวกับความร้อนความสามารถ ทนความร้อนของสเตนเลส มีข้อสังเกต 3 ประการคือ
  • การที่มีจุดหลอมเหลวสูง ทำให้มีอัตราความคืบดี เมื่อเทียบกับเซรามิกที่อุณหภูมิต่ำกว่า 1000 องศา C
  • การที่มีค่านำความร้อนระดับปานกลาง ทำให้สเตนเลสเหมาะที่จะใช้ในงานที่ต้องทนความร้อน (คอนเทนเนอร์) หรือต้องการคุณสมบัตินำความร้อนได้ดี (เครื่องถ่ายความร้อน)
  • การมีค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวระดับปานกลาง จึงสามารถใช้ความยาวมากๆได้ โดยใช้ตัวเชื่อมน้อย (เช่น ในการทำหลังคา)  
การนำไปใช้งาน


คุณสมบัติเขิงกล
 

สเตนเลสโดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของเหล็กประมาณ 70-80% จึงทำให้มีคุณสมบัติของเหล็กที่สำคัญ 2 ประการคือ ความแข็งและความแกร่ง ในตารางที่ 2นี้ เป็นการเปรียบเทียบคุณสมบัติเชิงกลกับวัสดุชนิดอื่น จะเห็นได้ว่าพลาสติกซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางมีความแข็งแรง และโมดูลัส ความยืดหยุ่นต่ำ ส่วนเซรามิกมีความแข็งแรงและความเหนียวสูงแต่มีความแกร่งหรือความสามารถรับแรงกระแทกโดยไม่แตกหักต่ำ สเตนเลสให้ค่า ที่เป็นกลางของทั้งความแข็ง ความแกร่ง และความเหนียว เรนื่องจากมีส่วนผสมของธาตุเหล็กอยุ่มาก และจะมีเพิ่มขึ้นอีกในชนิดออสเตนิติก และตารางที่ 3 จะแสดงให้เห็นค่าความแข็งแรงสูงสุด (Ultimate Tensile Strength) ของสเตนเลส ไม่ว่าจะชนิดที่อ่อนตัวง่าย ซึ่งสามารถทำให้ขึ้นรูปเย็นได้ดี เช่น การขึ้นรูปลึก (Deep Drawing) จนถึงชนิดความแข็งแรงสูงสุด ซึ่งได้จากการขึ้นรูปเย็นหรือการทำให้เย็นตัวโดยเร็ว (Quenching) หรือชนิดชุบแข็ง แบบตกผลึก (Preciptation Hardening) ซึ่งเหมาะใช้ทำสปริง

คุณสมบัติของสเตนเลส

สเตนเลสต่างชนิดกันที่มีโครงสร้างต่างกัน จะมีลักษณะค่าความแข็งแรงที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างกันดังในรูปจะแสดงให้เห็น แนวโค้งของค่าความแข็งแรง โดยทั่วไปของเกรดสเตนเลส 4ชนิด
  • เกรดมาร์เทนซิติก มีค่าความจำนนความแข็งแรง (Yield Strength : YS) และค่าความแข็งแรงสูงสุด (Ultimate Tensile Strenght : UTS) สูงมากในสภาพที่ผ่านกระบวนการอบชุบ แต่จะมีค่าการยืดตัว (Elongation : EL %) ต่ำ
  • เกรดเฟอร์ริติก มีค่าความจำนนความแข็งแรง และค่าความแข็งแรงสูงสุดปานกลาง เมื่อรวมกับค่าความยืดตัวสูง จึงทำให้สามารถขึ้นรูปได้ดี
  • เกรดออสเตนิติก มีค่าความจำนนความแข็งแรงใกล้เคียงกับชนิดเฟอร์ริติก แต่มีค่าความแข็งแรงสูงสุดและความยืดตัวสูง จึงสามารถขึ้นรูปได้ดีมาก
  • เกรดดูเพล็กซ์ (ออสเตไนท์ - เฟอร์ไรต์) มีค่าความจำนนความแข็งแรง และค่าความยืดตัวสูงจึงเรียกได้ว่า เหล็กชนิดนี้มีทั้งความแข็งแรง และความเหนียว (Ductility) ที่สูงเป็นเลิศ
คาวมต้านทานการกัดกร่อน

เหตุใด? สเตนเลสจึงทนต่อการกัดกร่อนได้ โลหะทุกชนิดทั่วไปจะทำปฎิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ เกิดเป็นฟิล์มออกไซต์บนผิวโลหะ หรือออกไซต์ ที่เกิดบนผิวเหล็กทั่วไป จะทำปฎิกิริยาออกซิไดซ์ และทำให้เกิดสภาพพื้นผิวเหล็กผุกร่อน ที่เราเรียกว่า เป็นสนิม แต่สเตนเลสมีโครเมียมผสมอยู่ 10.5% ขึ้นไป ทำให้คุณสมบัติของฟิล์มออกไซต์บนพื้นผิวเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นฟิล์มปกป้อง หรือพลาสซิฟเลเยอร์ (Passive Layer) ที่เหมือนเกราะป้องกัน การกัดกร่อน ซึ่งปรากฎการณ์นี้เรียกว่า พาสซิวิตี้ (Passivity) ฟิล์มปกป้องนี้จะมีขนาดบางมาก (สำหรับแผ่นสเตนเลสบางขนาด 1 มม. ฟิล์มหรือพาสซีฟ เลเยอร์นี้ จะมีความบางเทียบเท่ากับวางกระดาษ 1 แผ่น บนตึกสูง 20 ชั้น) และมองตาเปล่าไม่เห็นฟิล์มนี้จะเกาะติดแน่น และทำหน้าที่ปกป้องสเตนเลส จากการกัดกร่อนทั้งมวล หากนำไปผลิตแปรรูปหรือใช้งานในสภาพเหมาะสม เมื่อเกิดมีการขีดข่วน ฟิล์มปกป้องนี้จะสร้างขึ้นใหม่ได้เองตลอดเวลาความคงทนของพาสซีสเลเยอร์ เป็นปัจจัยหลักของความต้านทานการกัดกร่อนของสเตนเลส นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับสภาพการกัดกร่อนอันได้แก่ ความรุนแรง ของปฏิกิริยาออกซิไดซ์ ความเป็นกรดปริมาณสารละลายคลอไรต์ และอุณหภูมิ โดยทั่วไปแล้วการเพิ่มปริมาณ โครเมียมจะช่วยเพิ่มความ ต้านทาน การกัดกร่อนของสเตนเลส การเติมนิเกิลจะช่วยเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนโดยทั่วไป ให้ทนสภาวะกัดกร่อนรุนแรงได้ ส่วนโมลิบดินัมจะช่วยเพิ่ม ความต้านทานการกัดกร่อนเฉพาะที่ เช่น การกัดกร่อนแบบรูเข็ม (Pitting Corrosion)ในทางปฏิบัติ สเตนเลสชนิดเฟอร์ริติก มีการใช้งานจำกัดในสภาพการกัดกร่อนปานกลางและในสภาพชนบท ทั้งชนิดเฟอร์ริติกและออสเตนิติก สามารถใช้ทำ อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนได้แต่เนื่องจากชนิดออสเตนิติกสามารถทนการกัดกร่อนได้ดี และทำความสะอาดง่าย จึงนิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม นอกจากนี้ชนิดออสเตนิติกยังทนการกัดกร่อนจากสารเคมีหลายประเภทได้แก่ กรด, อัลคาลายด์ เป็นต้น ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลาย ในอุตสาหกรรมเคมี และกระบวนการผลิตต่าง ๆ

ผลิตภัณท์ทำความสะอาดโดยทั่วไป

ผลิตภัณฑ์
ตัวอย่าง
การใช้และข้อควรระวัง
ผงซักฟอก
ผงซักฟอก และสบู่ที่ใช้ในบ้าน
น้ำยาทำความสะอาดกระจก ใช้ล้างสเตนเลสได้เป็นครั้งคราว แต่ต้องล้างออกด้วยน้ำเย็นให้หมด
ยาฆ่าเชื้อ
ในบ้านและในอุตสาหกรรม
ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อเจือจาง โดยจำกัดจำนวนครั้งที่ใช้ ต้องล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด
สารละลาย
แอลกอฮอล์ และอะเซโทน
สำหรับคราบที่ล้างด้วยสบู่ไม่ออก เช่น สี และคราบมันจากสารอนินทรีย์ จากนั้นล้างด้วยสารละลายแล้วเช็ดออกด้วยสบู่ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
กรดทำความสะอาด
สารละลายทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของฟอสฟอรัสและไนตริก
เป็นวิธีสุดท้ายที่ควรใช้ทำความสะอาดสเตนเลส ล้างออกด้วยน้ำร้อนหลายๆครั้ง โดยใช้ความระมัดระวัง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสำหรับการใช ้ที่ถูกต้องและปลอดภัย
ทำความสะอาดโดย ใช้เครื่องมือ
การยิงผิวหน้า, การขัดผิวหน้า,
การขัดด้วยลวด, การใช้ผงขัด
คราบที่ล้างออกยาก ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเชิงกล ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องปลอดออกไซต์หลัก และระวังไม่ให้เกิดคราบขึ้นอีก การใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะทำให้ พื้นผิวสตนเลสมีการเปลี่ยนแปลง

 

วิธีทำความสะอาดสำหรับคราบสกปรกทั่วไป

คราบสกปรก
วิธีการทำความสะอาด
รอยนิ้วมือ
ล้างด้วยสบู่ ผงซักฟอก หรือสารละลาย เช่น แอลกอฮอล์ หรืออาเซโทน ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง
น้ำมัน คราบน้ำมัน
ล้างด้วยสารละลายไฮโดรคาร์บอน / ออร์กานิก (เช่น แอลกอฮอล์) แล้วล้างออกด้วยสบู่ /ผงซักฟอกอย่างอ่อน และน้ำ ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง แนะนำให้จุ่มชิ้นงานให้โชกก่อนล้างในน้ำสบู่อุ่น ๆ
สี
ล้างออกด้วยสารละลายสี ใช้แปลงไนล่อนนุ่ม ๆ ขัดออก แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็คให้แห้ง
Carbob Deposit or Bked-on จุ่มลงในน้ำ ใช้สารละลายที่มีแอมโมเนียเป็นส่วนประกอบ ล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็ดให้แห้ง
เปลี่ยนสีเนื่องจากความร้อน ทาครีม (เช่น บรัสโซ) ลงบนแผ่นขัดที่ไม่ได้ทำจากเหล็ก แล้วขัดคราบที่ติดบนสเตนเลสออก ความร้อนขัดไปในทิศทางเดียวกันกับพื้นผิว ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง
ป้ายและ
สติกเกอร์
จุ่มลงในน้ำอุ่น ๆ ลอกเอาป้ายออกแล้วถูกาวออกด้วยเบนซิน ล้างออกด้วยสบู่และน้ำจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำอุ่น เช็คให้แห้งด้วยผ้านุ่ม ๆ
รอยน้ำ / มะนาว
จุ่มลงในน้ำส้มสายชูเจือจาง (25%) หรือกรดไนตริก (15%) ล้างให้สะอาด ล้างออกด้วยสบู่และน้ำ จากนั้นล่างให้สะอาดด้วนน้ำอุ่น เช็คให้แห้งด้วยผ้านุ่ม ๆ
คราบชา – กาแฟ
ล้างด้วยโซดาไบคาร์บอเนต ในน้ำ ล้างออกด้วยสบู่และน้ำ จากนั้นล้างให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น เช็คให้แห้งด้วยผ้านุ่ม ๆ
คราบสนิม
จุ่มในน้ำอุ่นที่มีส่สนผสมสารละลายกรดไนตริก ในอัตราส่วน 9 ต่อ 1 ประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด หรือล้างผิวด้วยสารละลายกรดออกชาลิค ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็คให้แห้งหรือต้องใช้เครื่องมือล้างหากคราบสนิมติดแน่น

ความรู้และเทคนิค

ควรทำ
ไม่ควรทำ
เมื่อไม่ได้มีการทำความสะอาดสเตนเลส อย่างสม่ำเสมอ เมื่อสังเกตเห็นคราบหรือฝุ่นละอองใด ๆ ต้องรีบทำความสะอาดทันที
ไม่ควรเคลือบผิวสเตนเลสด้วยแว็ก หรือวัสดุที่ผสมน้ำมัน เพราะจะทำให้คราบสกปรกหรือฝุ่นละอองติดบนพื้นผิวได้ง่ายขึ้น และล้างทำความสะอาดออกได้ยาก
การทำความสะอาดสเตนเลส ควรเริ่มจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่อ่อนที่สุด โดยเริ่มใช้ในบริเวณเล็ก ๆ ก่อนเพื่อดูว่าเกิดผลกระทบอะไร กับผิวสเตนเลสหรือไม่
ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่มีส่วนประกอบของคลอไรด์และฮาไลด์ เช่น โบรไมน์, ไอโอดีนและผลูออรีน
ใช้น้ำอุ่นล้างคาบความมันออก
ไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อในการทำความสะอาดชิ้นส่วนสเตนเลส
หมั่นล้างสเตนเลสด้วนน้ำสะอาด เป็นขั้นตอนสุดท้ายเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม หรือกระดาษชำระ
ไม่ควรใช้กรดไฮโดรคลอริก (HCI) ในการทำความสะอาด เพราะอาจก่อให้เกิดการกัดกร่อน แบบรูเข็ม และการแตกเนื่องจากความเครียด (Stress Corrosion Crocking)
เมื่อใช้กรดกัดทำความสะอาดสเตนเลส ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เราไม่แน่ใจ
หลังจากใช้เครื่องครัวที่ทำด้วยสเตนเลส ควรล้างให้สะอาดทุกครั้ง
ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำความสะอาดเครื่องเงิน ในการทำความสะอาดสเตนเลส
หลีกเลี่ยงคราบ/สนิมเหล็ก ที่อาจติดมากับอุปกรณ์ทำความสะอาด ที่ทำมาจากเหล็ก หรือใช้ทำความสะอาดชิ้นส่วนเหล็กกล้าคาร์บอน
ไม่ควรใช้สบู่ หรือผงซักฟอกมากเกินไป เพราะจะทำให้ผิวสเตนเลสมัวและหมองลง
ในกรณีที่ประสบปัญหาในการทำความสะอาด
สเตนเลสควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ไม่ควรทำความสะอาด และทำพาสซิเวชั่นในขั้นตอนเดียวกัน ควรทำตามขั้นตอน คือ ล้างก่อนแล้วค่อยทำพาสซิเวชั่น

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ลักษณโดยทั่วไปบองสังกะสี

ลักษณโดยทั่วไปบองสังกะสี

สังกะสีเป็นโลหะสีขาวสีฟ้าที่เข้มออกจากมันสัมผัสกับอากาศ ที่อุณหภูมิห้องมีตาข่ายหกเหลี่ยมขนาดเล็ก (HCP) โลหะบริสุทธิ์มีอุณหภูมิหลอมเหลวต่ำ (419 ° C) สถานที่ใกล้เคียงจุดหลอมละลายของเกล็ดสังกะสีออกไซด์ก่อให้เกิดการเผาไหม้ไฟที่เรียกว่าปรัชญา alchem​​ists ขนสัตว์

maggiore di stagno e piombo, ma minore di quelle di alluminio e di rame. สังกะสีมีความแข็งแรงและความแข็ง ของดีบุกและตะกั่วมากขึ้น แต่น้อยกว่าอลูมิเนียมและทองแดง โลหะบริสุทธิ์มีความต้านทานต่ำถึงคืบสังกะสีเปราะที่อุณหภูมิธรรมดา แต่จะกลายเป็นอ่อนแล้วที่ 100 ° C เพื่อกลับไปประมาณ 200 องศาเซลเซียสเปราะบาง

การออกซิเดชันของธรรมชาติของสังกะสีจะช่วยปกป้องพวกเขาจากการโจมตีในเชิงลึก : ด้วยเหตุนี้จะใช้สำหรับเคลือบป้องกันโลหะชนิดอื่น ๆ มันละลายได้ง่ายในกรดแล้วปล่อยก๊าซไฮโดรเจนและละลายได้ดีในด่างในรูปก๊าซไฮโดรเจนนี้กรณี

ร่องรอยของแคดเมียม, สารหนูตะกั่วและพลวงซึ่งมักจะพบที่ละลายในโลหะที่มีความเป็นพิษเช่นเดียวกับที่จะทำให้สังกะสีที่พบบ่อยมากพอที่เป็นอันตราย บรรจุภัณฑ์ของสังกะสีสามารถใช้สำหรับการดื่มน้ำ แต่ไม่ได้สำหรับอาหารในขณะที่สังกะสีเป็นองค์ประกอบสำคัญในสิ่งมีชีวิตจำนวนมากพืชและสัตว์

การน้ำไปใช้

ประมาณ 35% ของสังกะสีที่ผลิตทั่วโลกจะใช้สำหรับการชุบสังกะสีเหล็ก, 20% จะใช้ในการผลิตจากทองเหลือง, 25% ในที่ของโลหะผสมอื่น ๆ , 10% เป็นแผ่นสังกะสีส่วนที่เหลืออีก 10% เป็น ดูดซึมในการใช้งานที่แตกต่างกัน

สังกะสีมีการผลิตในหลายเกรดขึ้นอยู่กับระดับของความบริสุทธิ์ที่สามารถช่วงจากที่บริสุทธิ์ที่สุด 99.995% ถึง 98% มาตรฐานคุณภาพแตกต่างไปจากประเทศและแตกต่างเฉพาะในรายละเอียดบางอย่าง UNI 6 ให้สังกะสีที่มีคุณภาพ แรกที่สองของความบริสุทธิ์สูงกว่า (จาก 99.995 และ 99.99), มีการใช้สำหรับการเตรียมการของโลหะผสมที่สำคัญที่สุดของซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับการหล่อหรือหล่อตาย

องค์ประกอบที่มักจะมีการผสม Al, Mg, Cu โลหะผสมเหล่านี้ซึ่งละลายที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ (ประมาณ 380-480 ° C) มีการไหลที่ดีและการหดตัวต่ำ คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้การควบรวมยังมีความซับซ้อนมาก

สังกะสี 99.99% นอกจากนี้ยังใช้สำหรับการเตรียมการของโลหะผสมที่มีวัตถุประสงค์สำหรับการทำงานเย็น : รีด, โปรไฟล์, แท่งอัด, anodes เกี่ยวกับการบวงสรวง นอกจากนี้ยังใช้ในการผลิตลวดและสีผง

สังกะสี 99.95% เนื่องจากเนื้อหาที่ค่อนข้างสูงของสิ่งสกปรกจะถูกใช้ในการผลิตทองเหลืองบรอนซ์และสังกะสี

สังกะสี 99.9% จะใช้สำหรับการควบรวมกิจการ สุดท้ายคุณภาพของ 98.5% ที่มีช่วงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของใช้ในการจุ่มชุบสังกะสีร้อน ก่อสร้าง, การใช้สังกะสีม้วนได้ยาวนานพอที่จะทำให้วัสดุที่ไม่ใช่เหล็กสำหรับหลังคาและ cladding ใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น หลังคาลามิเนตสังกะสีการรับประกันยาวนาน

ปัจจุบันเป็นตลาดที่ทำจากโลหะผสมเหล็กแผ่นรีด Zn - Cu - Ti เช่นเดียวกับการประกันความต้านทานแรงอัดสูงมีความต้านทานแรงดึงสูงและการคืบ สังกะสีนอกจากนี้ยังใช้ในองค์ประกอบที่ไม่ใช่โครงสร้าง : ฝน, ฝนตกราง, แผงตกแต่ง
สังกะสีเพื่อป้องกันเหล็ก

ยกเว้นสำหรับภาพวาด, ชุบสังกะสีเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายของการเคลือบป้องกันโลหะผสมเหล็ก

เคลือบสังกะสีคือการป้องกันโลหะผสมธาตุเหล็กต่อผลการกัดกร่อนของออกซิเจนในบรรยากาศและไอน้ำ ก่อนจะช่วยป้องกันการติดต่อทางกายภาพของเหล็กกับอากาศแล้วถ้าเคลือบสังกะสีจะถูกแบ่งขึ้นเพื่อแสดงโลหะผสมเหล็กต้นแบบ, สังกะสีมีค่าน้อยกว่าเหล็กมีเกียรติที่ได้รับการคุ้มครองต่อเนื่องของการเคลือบที่สูญเสีย ลักษณะของอันตรายที่เป็นการดำเนินการเคลือบสังกะสีที่ใช้เวลา anode, ปกป้องเหล็ก (การป้องกันเหล็กจากเหล็ก)

โลหะผสมสังกะสีธาตุเหล็กได้ด้วยเทคนิคที่แตกต่างกัน

จุ่มร้อนชุบสังกะสี;
การฉีดพ่นสารโลหะ
สีที่อุดมไปด้วยสังกะสี;
การป้องกันเหล็ก;
สังกะสีรีดเย็น;
ชุบสังกะสี
sherardizzazione

จุ่มร้อนชุบสังกะสีเป็นที่ใช้มากที่สุด วิธีการอื่น ๆ จะถูกใช้เมื่อสำหรับความต้องการของระบบสำหรับปัญหามิติและโครงสร้างสำหรับต้นทุนการขนส่งมากเกินไปคุณไม่สามารถใช้การจุ่มชุบสังกะสีร้อน
จุ่มชุบสังกะสีร้อน

กระบวนการนี้ซึ่งเป็นบทความเกี่ยวกับเสื้อที่ทำจากเหล็กหล่อหรือเหล็กโดยแช่ในอ่างสังกะสีหลอมเหลวที่เรียกว่าชุบสังกะสี มันเป็นกรณีที่เก่าแก่ที่สุด, ใช้งานง่ายและแพร่หลายของการเคลือบสังกะสีบนเหล็ก จะได้รับการวิวัฒนาการที่ดีในปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางนวัตกรรมในเหล็กชุบสังกะสีเหล็กแผ่นรีดแถบ coninua ระบบอัตโนมัติยังจะมีการจุ่มชุบสังกะสีของท่อเหล็กสำหรับคอนกรีต, เหล็กทั่วไปและสาย

สิ่งประดิษฐ์ก่อนที่จะถูกภายใต้กระบวนการที่ต้องปลอดจากสารพิษตกค้างน้ำมัน, จาระบี, สีและการเชื่อมตะกรันในปัจจุบันเป็นผลมาจากการดำเนินงานก่อนหน้านี้ หลังจาก degreasing, artifacts ที่มีการดองในกรดไฮโดรคลอเจือจางเพื่อให้ออกไซด์ของเหล็กจะถูกแปลงเป็นคลอไรด์เหล็กที่ละลายน้ำได้ บางเหล็กซิลิคอนและเหล็กเป็นเรื่องยากที่จะชุบสังกะสี

ก่อนที่จะมาสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ของสังกะสีเหลวผ่านชั้นของเครื่องปรับอากาศซึ่งประกอบด้วยสังกะสีและแอมโมเนียมเกลือสองที่ลอยเหนือสังกะสีเหลว แต่ก็มีฟังก์ชั่นที่สอง : การกำจัดสิ่งเจือปนใด ๆ เกี่ยวกับเหล็ก (คลอไรด์เฟอริกยังคงอยู่เช่นสานุศิษย์หลังจากดอง) และเพื่อป้องกันไม่ให้ออกไซด์สังกะสีหลอมเหลวอยู่ด้านล่าง วิธีนี้พื้นผิวของวัสดุเหล็กพร้อมที่จะใช้ร่วมกับสังกะสีในรูปแบบการเคลือบ 70-120 ไมครอน spesssore ที่ทำจากโลหะผสมที่แตกต่างกัน เหล่านี้แตกต่างกันไปในองค์ประกอบที่พวกเขาย้ายออกไปจากเหล็กกลายเป็นมากขึ้นอุดมไปด้วยสังกะสี โลหะผสมเหล่านี้จะได้รับที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดหลอมเหลวของโลหะสังกะสีบริสุทธิ์และดังนั้นจึงอยู่ในวัตถุที่เคลือบไฟฟ้า

จุ่มร้อนชุบสังกะสีให้นอกเหนือไปจากการป้องกันไฟฟ้า, การป้องกันทางกายภาพยัง สารเคลือบปกป้องผิวมีความต้านทานสูงกับการกระทำทางกลและการเสียดสี

อุณหภูมิของน้ำเคลือบสังกะสีที่มีอิทธิพลต่อลักษณะของสิ่งประดิษฐ์และความสำเร็จของขั้นตอนทั้งหมดที่ อุณหภูมิสูงเกินไปโปรดปรานการสะสมของตะกรันและผลในการฝากหยาบและทึบแสง ที่มีอุณหภูมิต่ำเกินไปใบ แต่สิ่งประดิษฐ์สังกะสีหนาไม่สม่ำเสมอ, เปราะบาง, ตรงแยก เวลาการแช่ขึ้นอยู่กับความหนาที่คุณต้องการ

สกัดจากน้ำที่จะต้องปฏิบัติตามเพื่อที่จะอยู่ในการหล่อที่ดีที่สุดของสังกะสีเพื่อที่ว่าพื้นผิวจะเรียบและสม่ำเสมอที่สุดเท่าที่ทำได้ วัตถุกลวงจะต้องมีช่องขนาดใหญ่พอที่จะให้รายการที่ง่ายและทางออกของสังกะสีเหลว
การฉีดพ่นสารโลหะ

metallization คือการโครงการกับเจ็ทอากาศอัดเพื่อปกป้องพื้นผิวโลหะสังกะสีเป็นผงละเอียด, ลวดสังกะสีจากความบริสุทธิ์สูง ปืนพิเศษที่จะมีการใช้สังกะสีจะละลายที่อุณหภูมิสูงใช้ผสมออกซิเจนอะเซทิลีน - การเตรียมพื้นผิวจะต้องระมัดระวังมากที่จะลบร่องรอยของจาระบี, สี, เหล็กออกไซด์ มีเป้าหมายที่จะถึงพื้นผิวด้วยการพ่นทราย มันเป็นสิ่งจำเป็นที่พื้นผิวขรุขระหลังจากขัดก็จะปรากฏในการปรับปรุงการยึดของสังกะสี

ข้อดีของวิธีนี้มีดังนี้

เทคโนโลยีกับอุปกรณ์ที่มีประโยชน์และง่ายต่อการอ่านเพื่อนำไปใช้ในเว็บไซต์และในการประชุมเชิงปฏิบัติการ;
ความเป็นไปได้ของการรักษาชิ้นส่วนของขนาดใด ๆ
ความร้อนปานกลาง (80-85 ° C max) ส่วนของชิ้นส่วนได้รับการรักษาจึงมี deformations ไม่;
เงินฝากที่มีความหนาตัวแปร

สเปรย์ฉีดสังกะสีที่ทำจากชั้น 4-20 ไมครอนเจ้าฟ้ามหิดลป้องกันการกัดกร่อนสำหรับชีวิตยาว ด้วยเทคนิคนี้คุณสามารถป้องกันสะพานไม้ต่างๆโดยเฉพาะเครื่องไฟฟ้​​าหรือความร้อนโครงสร้างรอย ฯลฯ
ricche in zinco สี อุดมไปด้วยสังกะสี

สีที่มีเนื้อหาสูงของโลหะสังกะสี (ขั้นต่ำ 93% น้ำหนักแห้ง) ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการป้องกันของเหล็ก พวกเขาดูหมองคล้ำออกแห้งและแข็งในเวลาอันสั้น หลังจากการอบแห้งที่ประกอบด้วยชั้นป้องกันฟิล์มที่เกิดขึ้นจากชั้นแห้งของยานพาหนะท​​ี่มีอนุภาคสังกะสีที่ ในวิธีนี้สี cathodically ป้องกันเหล็กภายใต้ แม้ในกรณีนี้เป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่จะใช้สีที่ทำให้การทำความสะอาดที่ดีของพื้นผิวของบทความที่จะป้องกันที่
catodica การป้องกัน Cathodic

การป้องกันนี้จะอยู่บนพื้นฐานของความแตกต่างที่มีศักยภาพที่มีอยู่ระหว่างสังกะสีและเหล็กสังกะสีเป็นขั้วลบขั้วบวกและเหล็ก การป้องกันนี้ไม่จำเป็นต้องจ่ายไฟภายนอกและต้องบำรุงรักษาน้อย
Laminar เย็นชุบสังกะสี

รีดเย็นชุบสังกะสีประกอบด้วยครอบคลุมพื้นผิวที่จะป้องกันโดยการตัดบางของสังกะสีมีความบริสุทธิ์สูงที่มีความหนาของ 80 = 100 ไมครอน เทปที่ติดอยู่กับโครงสร้างโดยใช้กาวที่มีการนำไฟฟ้าสูง วิธีนี้คุณจะได้รับการป้องกัน passive และการใช้งานรวม
ไฟฟ้าสังกะสี

กระบวนการนี​​้คือการได้รับการเคลือบสังกะสีโดยการอิ ห้องอาบน้ำที่ใช้ประกอบด้วยกรดหรือด่างในการแก้ปัญหาเกลือสังกะสี anodes ที่มีสังกะสี (โดยทั่วไป 99.99%) หรือบทความที่ถูกเคลือบ, degreased และดอง, ทำหน้าที่เป็น Cathodes มันสามารถดำเนินการรักษานี้ในงานโลหะแผ่นอย่างต่อเนื่องและเส้นลวด ความหนาของสังกะสีเงินฝากที่มีการเจียมเนื้อเจียมตัวและช่วงระหว่าง 2 และ 20 ไมครอน ได้รับความหนา จำกัด ของพวกเขาไม่ได้มีชีวิตที่ยาวนานในสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง
Sherardizzazione

มันเป็นกระบวนการของการแพร่กระจายของสังกะสีในเหล็ก (cementation) กับขั้นตอนนี้สามารถเคลือบด้วยชั้นเครื่องแบบของสิ่งประดิษฐ์ของสังกะสีที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดหลอมเหลวของสังกะสีตัวเอง วัตถุจะอยู่ร่วมกับผงสังกะสี (Zinc สีเทา) ภายในหมุนทรงกระบอกปิดอุ่นนอกไปประมาณ 400 องศาเซลเซียส การดำเนินการระยะเวลาตั้งแต่หนึ่งถึงสิบชั่วโมงขึ้นอยู่กับวัตถุซึ่งโดยปกติจะมีขนาดเล็กในขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

คุณจะได้รับ cladding สีเทาประกอบด้วยชั้นของโลหะผสม Fe - Zn ที่มีความหนาเป็นหน้าที่ของเวลาของการรักษา ตาม UNI 5464-69 sherardizzazione คุณมีสามชั้นเรียน : 5-10 มม. ความหนา, 10 ฌ 30 ไมครอนและกว่า 30 ไมครอน สอดคล้องกับความหนาสูงสุดของความต้านทานต่อการกัดกร่อนมากขึ้น การวัดความหนาที่สามารถดำเนินการโดยใช้ micrographic, แม่เหล็ก, หรือสารเคมี

การรักษานี้เหมาะมากสำหรับกลอนเพราะความหนาที่ได้รับเป็นชุดที่ทุกจุดของชิ้น
การเชื่อม

เมื่อผลิตภัณฑ์สังกะสีเชื่อมที่เคลือบสังกะสีระเหยเราจึงจำเป็นต้องประสานเพื่อเรียกคืนชั้นสีที่มีสังกะสี
การกัดกร่อน
in atmosfera การกัดกร่อน ในบรรยากาศ

การโจมตีจะรุนแรงมากที่สุดในบรรยากาศอุตสาหกรรม อัตราการกัดกร่อนลดลงกับเวลาเพราะชั้นของผลิตภัณฑ์การกัดกร่อนที่คุณจะเพิ่มให้การคุ้มครองที่มีให้โดยสังกะสี ในพื้นที่ชนบทที่การกัดกร่อนของเหล็กชุบสังกะสีจะช้ามาก อากาศทะเล แต่อิ่มตัวกับความชื้นที่มีเนื้อหาคลอไรด์สูงมีขึ้นมีผลการกัดกร่อน แม้ทราย, ลมที่ก่อให้เกิดการกัดกร่อนที่มีผลกระทบซึ่งทำให้สีกกร่อน อุตสาหกรรมในพื้นที่ก็มีการก้าวร้าวมากที่สุดต่อการกัดกร่อนได้ดีในบรรยากาศ ซัลเฟอร์ออกไซด์มักจะอยู่ในควันของน้ำมันเชื้อเพลิงเปลี่ยนสังกะสีในซัลเฟตสังกะสีที่ละลายในน้ำ แต่มันต้องจำได้ว่าเหล็กในบรรยากาศที่ประกอบเป็นสารที่เคลือบสังกะสีกัดกร่อนมากกว่าความเร็วที่สูงขึ้น 10 ถึง 20 ครั้ง
in acqua การกัดกร่อน ในน้ำ

dell'acqua stessa. เกี่ยวกับน้ำประปา, การกัดกร่อนได้รับอิทธิพลจากออกซิเจนและ ความกระด้าง ของน้ำ temporanea) si forma Zn(OH)2. ในตอนแรกการแสดงตนของ bicarbonates ในน้ำ ( แข็ง ชั่วคราว) แบบฟอร์มการ Zn (OH) 2 สังกะสีในที่สุดจะกลายเป็นไฮสังกะสีคาร์บอเนตขั้นพื้นฐานที่มีผลการป้องกันที่ดี มันตามที่น้ำจืดมีมากก้าวร้าวมากขึ้นกว่าฮาร์ดดิสก์

ภาพจะแตกต่างกันในกรณีของน้ำร้อนตั้งแต่ไบคาร์บอเนตจะสลายตัวให้แคลเซียมคาร์บอเนตและกรดคาร์บอ กรดคาร์บอและออกซิเจนสามารถนำไปสู่​​การกัดกร่อนอย่างรุนแรงถ้าชั้นเปรอะเปื้อนของภาชนะสังกะสี (หม้อไอน้ำหรือหม้อไอน้ำ) จะร้าว ในทางปฏิบัติปรากฏการณ์ที่พิสูจน์ให้สม่ำเสมอกว่า 60 องศาเซลเซียสขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำ ในกรณีของน้ำก้าวร้าวก็จะแนะนำนอกเหนือจากการชุบสังกะสีภาชนะที่ใช้ประโยชน์จากการเสียสละของ anodes สังกะสีหรือแมกนีเซียม
มาตรการการผจญเพลิงและเหล็กชุบสังกะสี

ถ้าเหล็กชุบสังกะสีถูกไฟไหม้, คุณจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ เพราะสังกะสีจะไม่ปล่อยควันพิษ

หากมีเพลิงไหม้ในอาคารที่มีโครงสร้างเหล็กชุบสังกะสี, หรือถ้ามีอยู่แล้วเหล็กชุบสังกะสี, ไฟไหม้ผลกระทบกับโครงสร้างจะเป็นสังกะสีถ้าไม่ได้อยู่ หากเกิดเพลิงไหม้จะรุนแรง, สังกะสีละลายและระเหย เป็นเงื่อนไขในการออกซิไดซ์ไฟ, สังกะสีจะถูกเปลี่ยนทันทีในซิงค์ออกไซด์เป็นผงสีขาวละเอียดที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสูบบุหรี่ทั่วไป

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความรู้เกี่ยวกับสแตนเลส วิธีการดูแลรักษาสแตนเลส วิธีทำความสะอาดสแตนเลส

สแตนเลส คืออะไร
สแตนเลส หรือ ตามศัพท์บัญญัติเรียกว่า เหล็กกล้าไร้สนิม เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ(น้อยกว่า 2%)ของน้ำหนัก มีส่วนผสมของโครเมียม อย่างน้อย 10.5% กำเนิดขึ้นในปี พ.ศ.1903 เมื่อนักวิทยาศาสตร์พบว่า การเติมนิเกิล โมบิดินัม ไททาเนียม ไนโอเนียม หรือโลหะอื่นแตกต่างกันไปตามชนิด ของคุณสมบัติเชิงกล และการใช้ลงในเหล็กกล้าธรรมดา ทำให้เหล็กกล้ามีความต้านทานการเกิดสนิมได้ แผ่นสแตนเลส
ประเภทของสแตนเลส
  • เกรด ออสเตนิติก (Austenitic) แม่ เหล็ดดูดไม่ติด นอกจากส่วนผสมของโครเมียม 18%แล้ว ยังมีนิเกิลที่ช่วยเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนอีกด้วย ชนิดออสเตนิติกเป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวางมากที่สุด ในบรรดาสแตนเลสด้วยกัน ส่วนออสเตนิติกที่มีโครเมียมผสมอยู่สูง 20% ถึง 25% และนิกเกิล 1%ถึง 20% จะสามารถทนการเกิดออกซิไดซ์ได้ที่อุณหภูมิสูง ซึ่งใช้ในส่วนประกอบของเตาหลอม ท่อนำความร้อน และแผ่นกันความาร้อนในเครื่องยนต์ จะเรียกว่า เหล็กกล้าไร้สนิม ชนิดทนความร้อน (Heat Resisting Steel)
  • เกรดเฟอร์ริติก (Ferritic) แม่เหล็กดูดติด มีส่วนผสมของคาร์บอนต่ำ และมีโครเมียมเป็นส่วนผสมหลัก คือประมาณ 13% หรือ 17%
  • เกรดมาร์เทนซิติก (Martensitic) แม่ เหล็กดูดติด โดยทั่วไปจะมีโครเมียมผสมอยู่ 12%และมีส่วนผสมของคาร์บอนในระดับปานกลาง มักนำไปใช้ทำส้อม มีด เครื่องมือตัด และเครื่องมือวิศวกรอื่นๆ ซึ่งต้องการคุณสมบัติเด่นในด้าน การต้านทานการสึกกร่อน และ ความแข็งแรงทนทาน
  • เกรดดูเพล็กซ์ (Duplex) แม่เหล็กดูดติด มีโครงสร้างผสมระหว่างเฟอร์ไรต์และออสเตไนต์ มีโครเมียมผสมอยู่ประมาณ 18-28% และนิเกิล 4.5-8% เหล็กชนิดนี้มักถูกนำไปใช้งานที่มีคลอรีนสูงเพื่อป้องกันมิให้เกิดการกัด กร่อนแบบรูเข็ม (Pitting corrosion) และช่วยเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน ที่เป็นรอยร้าวอันเนื่องมาจากแรงกดดัน (Stress corrosion cracking resistance) เหล็กกล้าชุบแข็งแบบตกผลึก (Precipitation Hardening Steel) มีโครเมียมผสมอยู่ 17 % และมีนิเกิล ทองแดง และไนโอเบียมผสมอยู่ด้วย เนื่องจากเหล็กชนิดนี้สามารถชุบแข็งได้ในคราวเดียว จึงเหมาะสำหรับทำแกน ปั้ม หัววาล์ว และส่วนประกอบของอากาศยาน สแตนเลส สตีล ที่นิยมใช้ทั่วไปคือ ออสเตนิก และเฟอร์ริติก ซึ่งคิดเป็น 95%ของเหล็กกล้าไร้สนิม ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
สแตนเลสสำเร็จรูป
  • สแตนเลสเส้น (Stainless Bar)
  • สแตนเลสเส้นกลม (Stainless Round Bar)
  • สแตนเลสเส้นสี่เหลี่ยม (Stainless Square Bar)
  • สแตนเลสเส้นหกเหลี่ยม (Stainless Hexagon Bar)
  • สแตนเลสเส้นฉาก (Stainless Angle)
  • เส้นแบน (Stainless Flat Bar)
  • แผ่น (Stainless Sheet) No. 304, 316L, 430
  • สแตนเลสแผ่นเรียบ (Stainless steal sheet)
  • สแตนเลสแผ่นลายกันลื่น Checker plate stainless steel
  • สแตนเลสแผ่นเจาะรู
  • แป๊ปสแตนเลส (Stainless Pipe) No. 304, 316L, 420
  • แป๊ปสแตนเลสเงา (Stainless steal solid pipe)
  • แป๊ปสแตนเลสด้าน (Stainless steel pipe ASTM)
  • แป๊ปสแตนเลสด้านมีตะเข็บ
  • แป๊ปสแตนเลสด้านไม่มีตะเข็บ (Seamless stainless pipe)
  • แป๊ปสแตนเลสกลม (Round stainless pipe)
  • แป๊ปสแตนเลสสี่เหลี่ยม (Square stainless steal pipe)
คุณสมบัติทางกายภาพของสแตนเลส
คุณสมบัติทางกายภาพของ สแตนเลส เมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุประเภทอื่น ค่าที่แสดงในตารางที่1 เป็นเพียงค่าประมาณ เนื่องจากการเปรียบเทียบทำได้ยาก ค่าความหนาแน่นสูงของสแตนเลสแตกต่างจากวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของคุณสมบัติเกี่ยวกับความร้อนความสามารถ ทนความร้อนของสแตนเลส มีข้อสังเกต 3 ประการคือ
  • การที่มีจุดหลอมเหลวสูง ทำให้มีอัตราความคืบดี เมื่อเทียบกับเซรามิก ที่อุณหภูมิ ต่ำกว่า 1000 องศา C°
  • การที่มีค่านำความร้อนระดับปานกลาง ทำให้สแตนเลสเหมาะที่จะใช้ในงานที่ต้องทนความร้อน (คอนเทนเนอร์) หรือต้องการคุณสมบัตินำความร้อนได้ดี (เครื่องถ่ายความร้อน)
  • การมีค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวระดับปานกลาง จึงสามารถใช้ความยาวมากๆได้ โดยใช้ตัวเชื่อมน้อย (เช่น ในการทำหลังคา)
คุณสมบัติเชิงกลของสแตนเลส
สแตนเลสโดยทั่วไปจะ มีส่วนผสมของเหล็กประมาณ 70-80% จึงทำให้มีคุณสมบัติของเหล็กที่สำคัญ 2 ประการคือ ความแข็งและความแกร่ง ในตารางที่ 2นี้ เป็นการเปรียบเทียบคุณสมบัติเชิงกลกับวัสดุชนิดอื่น จะเห็นได้ว่าพลาสติกซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางมีความแข็งแรง และโมดูลัส ความยืดหยุ่นต่ำ ส่วนเซรามิกมีความแข็งแรงและความเหนียวสูงแต่มีความแกร่งหรือความสามารถรับ แรงกระแทกโดยไม่แตกหักต่ำ สแตนเลสให้ค่า ที่เป็นกลางของทั้งความแข็ง ความแกร่ง และความเหนียว เรนื่องจากมีส่วนผสมของธาตุเหล็กอยุ่มาก และจะมีเพิ่มขึ้นอีกในชนิดออสเตนิติก และตารางที่ 3 จะแสดงให้เห็นค่าความแข็งแรงสูงสุด (Ultimate Tensile Strength) ของสแตนเลส ไม่ว่าจะชนิดที่อ่อนตัวง่าย ซึ่งสามารถทำให้ขึ้นรูปเย็นได้ดี เช่น การขึ้นรูปลึก (Deep Drawing) จนถึงชนิดความแข็งแรงสูงสุด ซึ่งได้จากการขึ้นรูปเย็นหรือการทำให้เย็นตัวโดยเร็ว (Quenching) หรือชนิดชุบแข็ง แบบตกผลึก (Preciptation Hardening) ซึ่งเหมาะใช้ทำสปริง
ท่อสแตนเลส
ประโยชน์ของการใช้งานสแตนเลส
  • ใช้ในสิ่งแวดล้อมที่กัดกร่อน (Corrosive Environment)
  • งานอุณหภูมิเย็นจัด ป้องกันการแตกเปราะ
  • ใช้งานอุณหภูมิสูง (High temperature)ป้องกันการเกิดคราบออกไซด์ (scale) และยังคงความแข็งแรง
  • มีความแข็งแรงสูงเมื่อเทียบกับมวล (High strength vs. mass)
  • งานที่ต้องการสุขอนามัย(Hygienic condition) ต้องการความสะอาดสูง
  • งานด้านสถาปัตยกรรม (Aesthetic appearance) ไม่เป็นสนิม ไม่ต้องทาสี
  • ไม่ปนเปื้อน (No contamiation) ป้องกันการทำ ปฏิกิริยากับสารเร่งปฏิกิริยา
  • ต้านทานการขัดถูแบบเปียก (Wet abrasion resistance)
การนำมาใช้ทำผลิตภันท์ขึ้นรูป

การเลือกใช้หรือซื้อสแตนเลส
ผู้ซื้อหรือผู้ใช้ควรมีความรู้พื้นฐานสักเล็กน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้
  • ความรู้เกี่ยวกับวัสดุ - ความรู้จะช่วยการตัดสินใจไม่เกิดปัญหาผิดพลาดและประหยัดราคา
  • ความรู้เรื่องเกรดของวัสดุ- เลือกใช้เกรดวัสดุ ถูกต้อง ลดความเสี่ยง ช่วยลดหรือประหยัดจากการใช้วัสดุราคาแพงได้
  • ความรู้ในการออกแบบ- การออกแบบที่ดีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการประกอบ
  • ความรู้ในการตกแต่งผิว- การตกแต่งผิวทำให้ดู สวยงามและมีราคาเพิ่มขึ้น
  • การประยุกต์ใช้ในงานตกแต่งหรืองานเครื่องใช้ภายในบ้าน- ใช้เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงหรือแก้ไข
  • การใช้การวางแผนการผลิต - การวางแผนการผลิตจะช่วย ประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์
วิธีทำความสะอาดสแตนเลส
  • รอยเปื้อน : รอยนิ้วมือ
    วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : ล้างด้วยสบู่ ผงซักฟอก หรือสารทำละลาย เช่น แอลกอฮอล์ หรือ อะซีโตน ( Acetone) แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นจนสะอาด จากนั้นเช็ดให้แห้ง
  • รอยเปื้อน : น้ำมัน คราบน้ำมัน 
    วิธีทำความสะอาด : ล้างด้วยสารละลายไฮโดรคาร์บอน / ออร์กานิก (เช่น แอลกอฮอล์) แล้วล้างออกด้วยสบู่ /ผงซักฟอกอย่างอ่อน และน้ำ ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง แนะนำให้จุ่มชิ้นงานให้โชกก่อนล้างในน้ำสบู่อุ่น ๆ
  • รอยเปื้อน : สี
    วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : ล้างออกด้วยสารละลายสี ใช้แปลงไนล่อนนุ่ม ๆ ขัดออก แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็คให้แห้ง
  • เปลี่ยนสีเนื่องจากความร้อน
    วิธีทำความสะอาดสแตนเลส :ทาครีม (เช่น บรัสโซ) ลงบนแผ่นขัดที่ไม่ได้ทำจากเหล็ก แล้วขัดคราบที่ติดบนสแตนเลสออก ความร้อนขัดไปในทิศทางเดียวกันกับพื้นผิว ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง
  • รอยเปื้อน : ฉลากและสติ๊กเกอร์
    วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : แช่ ในน้ำสบู่ร้อนๆ ก่อนจะลอกฉลากและทำความสะอาดกาวที่ติดอยู่ออกด้วยเมทิลแอลกอฮอล์ ( Methylated Spirit) หรือน้ำมันเบนซิน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสบู่หรือน้ำผสมผงซักฟอก ล้างออกอีกทีด้วยน้ำร้อน เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดเนื้อนุ่ม
  • รอยเปื้อน :รอยน้ำ ตะกรัน
    วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : รอยที่เห็นชัดสามารถลดเลือนได้ด้วยการแช่ไว้ในน้ำส้มสายชู 25% หรือกรดไนตริก 15% จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ตามด้วยน้ำสบู่หรือน้ำผสมผงซักฟอก และล้างออกอีกครั้งให้สะอาดด้วยน้ำร้อน เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดเนื้อนุ่ม
  • รอยเปื้อน : สารแทนนิน จากชาหรือกาแฟ
    วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : ล้าง ด้วยน้ำร้อนผสมโซดาซักผ้า (โซเดียมไบคาร์บอเนต) จากนั้นล้างตามด้วยน้ำสบู่หรือน้ำผสมผงซักฟอก ล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำร้อน เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดเนื้อนุ่ม
  • รอยเปื้อน : คราบสนิม
    วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : แช่ส่วนที่ขึ้นสนิมในน้ำอุ่นผสมสารละลาดกรดไนตริกในสัดส่วน 9:1 เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือทาพื้นผิวที่ขึ้นสนิมด้วยสารละลายกรดออกซาลิก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็ดให้แห้งหรือ ในกรณีของคราบสนิมที่ติดทนและยากต่อการกำจัด อาจต้องใช้เครื่องจักรช่วยขัดทำความสะอาด
การดูแลรักษาสแตนเลส
  • หากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ ควรทำความสะอาดทันทีที่พบรอยเปื้อนและฝุ่น
  • ในการทำความสะอาดควรเริ่มจากวิธีและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนที่สุดก่อน เสมอและทดลองทำความสะอาดเป็นบริเวณเล็กๆ ก่อนเพื่อให้มั่นใจถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
  • ใช้น้ำอุ่นเพื่อช่วยขจัดความมันของน้ำมันหรือจาระบี
  • ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาด ให้ใช้น้ำสะอาดล้างและเช็ดให้แห้งด้วยผ้าเนื้อนุ่มหรือกระดาษชำระแผ่นใหญ่ทุกครั้ง
  • เมื่อใช้กรดทำความสะอาดสแตนเลส ควรใช้มาตรการป้องกันและระมัดระวังอย่างเหมาะสม
  • ล้างเครื่องใช้ที่ทำจากสแตนเลสทันทีที่เตรียมอาหารเสร็จเสมอ
  • หลีกเลี่ยงรอยเปื้อนที่เกิดจากเหล็กโดยไม่ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดที่ทำจาก โลหะ หรืออุปกรณ์ที่เคยนำไปทำความสะอาดชิ้นส่วนที่ผลิตจากเหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel) มาก่อน
  • กรณีที่ไม่แน่ใจในวิธีทำความสะอาดหรือพบรอยเปื้อนที่ไม่สามารถขจัดออกได้ ให้ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
พื้นผิวสแตนเลส
สิ่งที่ไม่ควรทำกับพื้นผิวสแตนเลส
  • อย่าเคลือบสแตนเลสด้วยขี้ผึ้งหรือสารที่มีความมัน เพราะจะทำให้ฝุ่นหรือรอยเปื้อนติดบนพื้นผิวได้ง่ายขึ้นและทำความสะอาดออกได้ยาก
  • อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของคลอไรด์ ( Chlorides) และ เฮไลด์ ( Helides) เช่น โบรไมน์ ( Bromine) ไอโอดีน ( Iodine) และ ฟลูออรีน (Fluorine)
  • อย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดสแตนเลส
  • อย่าใช้กรดไฮโดรคลอริค ( HCI) ในการทำความสะอาด เพราะจะทำให้เกิดการกัดกร่อนแบบรูเข็มและแบบเป็นรอยร้าวได้ ( Pitting and Stress Corrosion Cracking)
  • อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่แน่ใจ
  • อย่าใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องเงิน
  • อย่าใช้ปริมาณสบู่และผงซักฟอกมากเกินไปในการทำความสะอาด เพราะอาจทิ้งคราบไว้บนพื้นผิวได้
  • อย่าทำความสะอาดส่วนที่มีคราบฝังแน่นในขั้นตอนเดียว ควรทำความสะอาดเบื้องต้นก่อนขจัดคราบฝังแน่น

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์สังกะสีทางด้านอุตสาหกรรม

ด้านการก่อสร้าง
ตลาดใหญ่ของวัสดุเหล็กชุบสังกะสีคือ ด้านการก่อสร้าง ในการชุบเหล็กด้วยสังกะสีใช้สังกะสีมากถึง 90 % ของสังกะสีทั้งหมดที่ใช้เพื่อป้องกันเหล็กกล้าโครงสร้าง รางน้ำฝน ปล่องดูดควัน ฯลฯ แผ่นเหล็กชุบสังกะสีใชทำทำท่อมาตราฐานสำหรับระบบปรับอากาศ ระบายอากาศ และระบบให้ความร้อน ใช้เป็นรางและท่อในงานสายไฟฟ้า และท่อสายโทรศัพท์ในตึกขนาดใหญ่

สีฝุ่นสังกะสีเติบโตเพิ่มขึ้น เป็นส่วนสำคัญเป็นสีพื้น และป้องกันเหล็กกล้าโครงสร้างอย่างสมบูรณ์ ปริมาณสังกะสีออกไซด์เพียงเล็กน้อยใช้ในการผลิตสีน้ำมัน ทองเหลืองและบรอนซ์ และโลหะที่มีสังกะสีเป็นส่วนผสม ก็ใช้กันมากในด้านก่อสร้างสถาปัตยกรรม ทำประตู หน้าต่าง กรอบ ราง และประตูน้ำ สังกะสีรีดเป็นแผ่นบางพืดใช้ทำรางน้ำฝน ท่อน้ำ

ด้านอุตสาหกรรมขนส่ง
ใช้สังกะสีในรูปของแผ่นเหล็กชุบสังกะสี โลหะผสมหล่อแบบแม่พิมพ์ทองเหลือง และสังกะสีออกไซด์สำหรับหล่อแบบแม่พิมพ์ใช้ในส่วนประกอบของรถยนต์ เช่น คาร์บูเรเตอร์ กลอน มือจับ และอื่นๆ สังกะสีออกไซด์ใช้ในการผลิตยาง ซึ่งปรากฎว่ายางรถยนต์ใช้ยางมากที่สุด เครื่องบิน เรือใหญ่ เรือเล็ก รถประจำทาง รถบรรทุก รถลาก รถสกู๊ตเตอร์ รถจักรยาน ตู้รถไฟบรรทุกสินค้า และการขนส่งสายพานใช้สังกะสีประมาณ 12% ของสังกะสีที่ใช้ในการขนส่ง ในสภาพเคลือบผิวแผ่นเหล็กหล่อแบบแม่พิมพ์และประเภทยาง

ด้านไฟฟ้า
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เป็นเครื่องใช้ในบ้าน สำนักงาน คิดเป็น 11% ของการใช้สังกะสีทั้งหมด โดยใช้ในรูปผลิตภัณฑ์หล่อชุบด้วยสังกะสี ชิ้นส่วนสังกะสีหล่อแบบแม่พิมพ์ สังกะสีแผ่นบางพืด และสังกะสีออกไซด์

ด้านเครื่องจักรกล
ครอบคลุมถึงเครื่องจักรกลทางการเกษตร การสร้างทาง เครื่องขุด เครื่องบรรจุและอุปกรณ์กลในโรงงาน โดยใช้สังกะสี 9% ของทั้งหมด

ด้านอื่นๆ
โลหะสังกะสี 11% ใช้ในกิจการจิปาถะที่สำคัญคือ ใช้เป็นแท่งแอโนดเพื่อป้องกันตัวเรือ, ท่อ และโครงเหล็กที่อยู่ใต้น้ำจาการกัดกร่อน ปริมาณสังกะสีน้อยๆ ใช้ในโลหะอะลูมิเนียมและแมกนีเซียมผสมในกรรมวิธีแยกเงินจากตะกั่ว แยกทองคำ และทำให้สังกะสีอิเล็กโทรไลต์บริสุทธิ์

ยังใช้สังกะสีทำโลหะบัดกรีเพราะสังกะสีแทรกซึมเข้าไปตามขอบเกรนจึงให้กำลัง ยืดดี ลวดสังกะสีใช้ในระบบห้ามล้อ เนื่องจากต้านการสึกหรอสูงทำให้ลูกห้ามล้อสึกน้อยลง และเพิ่มอายุการใช้งาน ลวดสังกะสีมีการนำความร้อนดีเยี่ยม จึงกระจายความร้อนจากผิวหน้าเสียดทานได้เร็ว

การชุบสังกะสี
มีการใช้สังกะสีชุบผิวเหล็กในผลิตภัณฑ์หลายอย่างเช่น แผ่นเหล็กชุบสังกะสี ท่อ ลวด และลวดสลิง อุปกรณ์ข้อต่อ และอื่น ๆ สาเหตุที่นิยมใช้สังกะสีเคลือบก็เพราะ สังกะสีเคลือบเพราะ สังกะสีมีคุณสมบัติด้านกัลวานิกเป็นแอโนดมากกว่าเหล็ก จึงผุกร่อนง่ายกว่า ดังนั้นเหล็กและเหล็กกล้าที่มีประโยชน์มากมายใช้ในการก่อสร้าง เมื่อชุบผิวด้วยสังกะสี แม่จะเกิดช่องว่างจากการชุบ แต่สังกะสี จะผุกร่อนไปก่อน จึงช่วยชะลอเหล็กให้มีอายุการใช้งานยาวนานออกไป นอกจากนี้การชุบผิวเหล็กด้วยสังกะสีเป็นวิธีสันเปลืองน้อยกว่าวิธีอื่นในการ ป้องกันสนิม

การหล่อแบบแม่พิมพ์
ทุกหนแห่งไม่ว่าจะมองไปทางใด ในบ้าน ที่ทำงาน โรงงาน แม้กระทั่งถนนหนทาง จะพบการใช้ประโยชน์จากสังกะสีหล่อแม่พิมพ์ อาจเรียงตามลำดับจากมากไปน้อยดังนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องจักรกล เครื่องเหล็ก เครื่องจักรธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ทัศนะ ของเด็กเล่นและสิ่งของสมัยนิยม นิยมใช้สังกะสีเป็นแบบหล่อแม่พิมพ์เพราะสังกะสีมีจุหลอมตัวที่ต่ำทำให้ค่า ใช้จ่ายต่อการกลึงไสและตกแต่งง่ายและสะดวกอีกด้วย

การผลิตทองเหลือง
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ปริมาณการใช้สังกะสีแท่งเพื่อผลิตทองเหลืองสำหรับปลอกกระสุนปืนเล็กเพิ่มสูง ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ปัจจุบันผลิตสังกะสีแท่งเพื่อผลิตทองเหลืองเป็นอันดับสาม ส่วนใหญ่ใช้เป็นส่วนประกอบยานยนต์


สังกะสีรีด
สังกะสีรีดมีสังกะสี 99.80% หรือมากกว่า ถ้ามีเหล็กสูงสุดถึง 0.014% จะให้คุณสมบัติดึงเย็นที่ดี ผลิตภัณฑ์สำเร็จที่ใช้สังกะสีรีดได้แก่ ปลอกแบตเตอรี่ จานสะท้อนแสงไฟแฟลช ตลับเครื่องสำอาง etc. สังกะสีพืดที่มีความบริสุทธิ์น้อยคือ มีตะกั่ว แคดเมียม และเหล็กสูง ใช้ทำด้านข้างและส่วนล่างของแบตเตอรี่แห้ง ป้ายเลขที่บ้านและป้ายชื่อ

สังกะสีแผ่น ทางการค้า ใช้ทำบล๊อกพิมพ์ ท่อออร์แกน ปลอกแบตเตอรี่แห้ง และแผ่นพิมพ์ออฟเซต โดยมีคุณสมบัติด้านแรงดึงเพียงพอ ไม่บิด เหนียว

สังกะสีฝุ่น
สังกะสีฝุ่นใช้ในการผลิตสารเคมีที่ใช้ในการพิมพ์และย้อมสิ่งทอ เป็นตัวตกตะกอน ทองแดง แคดเมียม ตะกั่ว เงิน ทองคำ และอื่น ๆ จากสารละลายทำไม้ขีดไฟ ก๊าซน้ำมันเตาสีกันสนิม สังกะสีฝุ่นผสมกับอะลูมิเนียมผงใช้แก้น้ำกระด้าง ใช้เป็นสารผลิตคอรกรีตทำให้ได้รูพรุน ใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม โดยเป็นสารเร่งการคาย ไฮโดรเจนในการทำสบู่จากขี้ผึ้งพาราฟินและเป็นจุดเริ่มต้นในการเร่งการเกิด สารไฮโดรคาร์บอน นอกจากนี้สังกะสีผงยังใช้ทำดอกไม้ไฟ ทำน้ำตาลให้บริสุทธิ์และรักษาผิวกระดาษ

สารเคมี
สังกะสีคลอไรด์ : สามารถละลายออกซิเจนได้ออกซิคลอไรด์ จึงใช้ในการผลิตซีเมนต์ และการเตรียมสารอุดฟันในทางทันตกรรม เป็นสารเชื้อ (flux) ทางโลหะกรรม และการบักรีใช้ผลิตแบตเตอรี่แห้ง ยาฆ่าเชื้อรา ชุบสังกะสี และกลั่นน้ำมัน
สังกะสีออกไซด์ : ทำแม่สี เซรามิก เครื่องสำอาง และยา เมื่อใช้สังกะสีออกไซด์เป็นแม่สี ทำให้ได้แม่สีมีคุณภาพดีกว่าที่ทำจากตะกั่วขาว รวมทั่งไม่เป็นพิษ ไม่เปลี่ยนสี เพราะไม่เกิด

ปฏิกิริยากับสารประกอบซัลไฟด์
สังกะสีซัลเฟต: ใช้ในการผลิตเส้นใยเรยอน ทางการเกษตรใช้เพิ่มปริมาณสังกะสีในดินให้พืช
สังกะสีซัลไฟด์: มีดัชนีหักเหสูงและเรืองแสง ใช้ทำสีลิโทโพน (60%ZnS+40%BaSO4) ซึ่งเป็นแม่สีมีคุณภาพดีกว่าสังกะสีออกไซด์ และตะกั่วขาว ไม่เป็นอันตรายและเปลี่ยนสี แม้จะมีไฮโดรเจนซัลไฟด์ จากการที่สังกะสีซัลไฟด์เรืองแสงจึงใช้ในจอภาพเอกซเรย์และหน้าปัดนาฬิกา